วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

อุณหภูมิ อายุและขนาดของกุ้งก้ามแดง หรือกุ้งเครฟิชที่ควรรู้

- สาย P อุณหภูมิเลี้ยง26-30องศา เลี้ยงได้ดีมาก เพาะได้ ถ้าเลี้ยงเย็นอุณหภูมิ 22-25องศา จะนอนอย่างเดียวเลย (จำศีล)
- สาย C อินโด เลี้ยงเย็นอุณหภูมิ22-25องศา 
- เลี้ยงได้ดีมาก เลี้ยงธรรมดาก็ได้อุณหภูมิเลี้ยง26-29องศา

- สาย C เดสทรัคเตอร์ เลี้ยงเย็นอุณหภูมิ22-25องศา 
- เลี้ยงธรรมดาก็ได้อุณหภูมิเลี้ยง26-30องศา

อายุของเดสทรัคเตอร์ 

- เดสทรัคเตอร์อายุ  4 - 6เดือน  จะได้ไซส์ 4.0 - 4.5นิ้ว
- เดสทรัคเตอร์อายุ  6 - 9เดือน  จะได้ไซส์ 4.5 - 5.0นิ้ว
- เดสทรัคเตอร์อายุ  9-12เดือน  จะได้ไซส์ 5.0 - 5.5นิ้ว
- เดสทรัคเตอร์อายุ  12-18เดือน จะได้ไซส์ 5.5- 6.0นิ้ว

- สาย C บลูเพิร์ล เลี้ยงเย็นอุณหภูมิเลี้ยง22-25องศา เลี้ยงได้ดีมาก
- บลูเพิร์ลเลี้ยงเย็น จะเดิน จะโชว์ตัว สีน้ำเงินจะเข้ม 
- ถ้าเลี้ยงธรรมดาก็ได้อุณหภูมิเลี้ยง26-29องศา 
- บลูเพิร์ลเลี้ยงน้ำธรรมดา เลี้ยงได้แต่โตช้ากว่าเลี้ยงน้ำเย็น สีจะออกสีฟ้า
- อายุของบลูเพิร์ล จากการเลี้ยงบลูเพิร์ลที่อุณหภูมิ22-28องศา
- บลูเพิร์ลอายุ  8-12เดือน จะได้ไซส์3.0 - 3.5นิ้ว
- บลูเพิร์ลอายุ12-16เดือน จะได้ไซส์3.5 - 4.5นิ้ว
- บลูเพิร์ลอายุ16-22เดือน จะได้ไซส์4.5 - 5.0นิ้ว
- บลูเพิร์ลอายุ22-28เดือน จะได้ไซส์5.0 - 5.5นิ้ว
- บลูเพิร์ลอายุ28-36เดือน จะได้ไซส์5.5 - 6.0นิ้ว
- บลูเพิร์ลอายุ36-42เดือน จะได้ไซส์ุ6.0 - 6.5นิ้ว

- บลูล็อบ กุ้งก้ามแดง จะเลี้ยงเย็นก็ได้อุณหภูมิเลี้ยง22-25องศา
- เลี้ยงธรรมดาก็ได้อุณหภูมิเลี้ยง26-32องศา
- บลูล็อบเตอร์อายุุ  4 -6เดือน จะได้ไซส์ 4.0 - 5.0นิ้ว
- บลูล็อบเตอร์อายุ  8 -9เดือน จะได้ไซส์ 5.0 - 6.0นิ้ว
- บลูล็อบเตอร์อายุ10-12เดือน จะได้ไซส์ 6.0 - 8.0นิ้ว
- บลูล็อบเตอร์อายุ16-18เดือน จะได้ไซส์ 8.0 - 10นิ้ว

เปรียบเทียบไซส์และอายุของกุ้งเดสทรัคเตอร์ บลูเพิีร์ล และบลูล็อบกุ้งก้ามแดง

- บลูล็อบเตอร์  อายุ 4-6เดือน    จะได้ไซส์ 4.0 - 5.0นิ้ว
- เดสทรัคเตอร์ อายุ 4-6เดือน    จะได้ไซส์ 4.0 - 5.0นิ้ว
- บลูเพิร์ล       อายุ 16-22เดือน จะได้ไซส์ 4.5 - 5.0นิ้ว
- แหล่งที่มาทั้งสามสายพันธุ์ เป็นกุ้งเครฟิชที่มาจากออสเตรเลีย

หมายเหตุ เครฟิชที่เลี้ยงน้ำเย็นสีจะสวยมาก..กว่าเลี้ยงน้ำธรรมดา


การเลี้ยงกุ้งก้ามแดงโดยไม่ใช้อ๊อกซิเจน ประหยัดค่าใช้จ่ายมาก

มีหลายคำถามที่เจอบ่อย หนึ่งในคำถามนั้นคือ "ไม่มีอ๊อกเลี้ยงได้มั้ย?" ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตามที่ท่านไม่หาอ๊อกมาใส่ แต่คำตอบก็คือ...."เลี้ยงได้และมีหลายวิธีครับ" โชคดีที่กุ้งก้ามแดงนั้นอาศัยอยู่ได้แม้ในน้ำจะอ๊อกซิเจนต่ำนอกจากนั้น ยังมีวิญญาณSpider Manสิงสถิตย์อยู่ ทำให้เชี่ยวชาญทางด้านปีนป่ายอะไรก็ตามที่อยู่ในบ่อขึ้นมารับอ๊อกซิเจนบริสุทธิ์จากอากาศได้โดยตรง หลักการเลี้ยงลักษณะนี้มีหลายรูปแบบ เอาไปปรับใช้กับพื้นที่ที่เรามี เลี้้ยงให้ง่ายที่สุดและสะดวกที่สุดเข้าไว้ จะอธิบายไว้เป็นข้อๆ ดั้งนี้

1. เลี้ยงใน ตู้ปลา อ่าง กาละมัง กระบะพลาสติก

การเลี้ยงแบบนี้จำเป็นต้องมีกิ่งไม้หรือก้อนหินให้กุ้งปีนได้ แต่ก็ต้องระวังเรื่องกุ้งปีนหนีออกให้ดี ภาชนะต้องปากกว้างให้มีลมพัดผ่านผิวน้ำได้จะดีมาก ไม่ควรใช้โหลปากแคบ
     ข้อดี
- เหมาะสำหรับคนมีพื้นที่น้อย
- สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
- หาวัสดุเหลือใช้ในบ้านเลี้ยงได้ ต้นทุนต่ำ
     ข้อเสีย
- สำคัญที่สุดคือดูแลเรื่องน้ำให้ดี อย่าให้น้ำเน่า
- ไม่เหมาะกับช่วงอากาศหนาว อุณหภูมิ เปลี่ยนแปลงบ่อยในรอบวัน
- โตช้า ไม่มีสารอาหารในน้ำโดยธรรมชาติ
- หากเปลี่ยนน้ำบ่อยเกินไปกุ้งจะตายเพราะลอกคราบไม่ผ่าน เนื่องจากสะสมแร่ธาตุไม่ทัน ทางที่ดีควรมีภาชนะรองน้ำเลี้ยงเก่าเอาไปตากแดด 1สัปดาห์สามารถรีไซเคิลมาเลี้ยงใหม่ได้ จะมีแพลงตอนเล็กๆเกิดด้วย
- เลี้ยงได้จำนวนน้อย

2. เลี้ยงในบ่อปูน บ่อผ้ายาง

ควรเลี้ยงแบบโดนแสงแดด จำลองธรรมชาติ ควรใส่ดินปลูกบัวลงไป หรือหากมีดินเหนียวมั่นใจว่าปลอดสารพิษแถวบ้านก็ใช้ได้ ระวังยาฆ่าปูในนาข้าว ในบ่อใส่สาหร่ายไว้ สแลน หรือตาข่าย ไว้ให้กุ้งปีน
     ข้อดี
- ง่ายต่อการสังเกตการเจริญเติบโต การลอกคราบ
- หากต้องการให้น้ำใสโดยไม่ใส่ดิน สามารถใช้มูลไส้เดือนกับเศษฟาง หรือหญ้าแห้งแทนได้ ช่วยให้เกิดแพลงตอนในน้ำ
- ง่ายต่อการจับขึ้น
- จำลองรูปแบบนาข้าว หรือใส่ต้นกก ผักบุ้ง ไม้น้ำต่างๆ จอกแหนมีได้นิดหน่อยแต่อย่าปิดผิวน้ำหมด กุ้งจะอยู่รอดปลอดภัยไม่ต่างอะไรกับใส่อ๊อก
- หากไม่ต้องการเปลี่ยนน้ำบ่อย สามารถใส่จุลินทรีย์ไปช่วยกินแอมโมเนีย ของเสียตามพื้นบ่อได้
     ข้อเสีย
- บ่อผ้ายางถ้าบางไปหรือมีรอยย่นอาจขาดได้ง่าย จากุ้งแทะ
- ควรหาวิธีแก้เมื่อฝนตกน้ำล้น ไม่ควรให้ระดับน้ำเกิน20cm ใช้ตาข่ายไนล่อนกั้นไว้ก็ได้

3. เลี้ยงในบ่อดินหรือนาข้าว กุ้งสามารถปีนขอบบ่อหรือต้นข้าวมารับอ๊อกซิเจนได้ง่าย

     ข้อดี
- กุ้งได้รับสารอาหารและแร่ธาตุครบถ้วนทำให้โตไว
- เลี้ยงได้จำนวนที่มาก
- เราไม่ให้อาหารมันก็อยู่ได้
- กุ้งรับแสงแดด จะได้วิตามิน D เพิ่มประสิทธิภาพของแคลเซี่ยมที่ได้รับ
     ข้อเสีย
- ต้องกำจัดปลาอันเป็นศัตรูกุ้งให้หมดซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากนอกจากนั้นต้องกั้นขอบบ่อด้วยตาข่ายไนล่อนไว้กันกุ้งหนีและกันปลาหมอ ปลาไหล ปลาช่อน จากแหล่งน้ำใกล้เคียงอพยพลงบ่อเรา
- อีกหนึ่งศัตรูคือนก พื้นที่เล็กๆหรือบ่อน้ำลึกไม่ค่อยมีปัญหาหากแถวนั้นไม่มีพวกนกกาน้ำ ส่วนมากจะมีผลกับทุ่งนาเพราะน้ำตื้น เจ้านกกระยางชอบอยู่แล้ว ควรหาตาข่ายกันนกคลุมไปเลย หากคิดจะเลี้ยงเยอะต้องลงทุนส่วนนี้
- ศัตรูกุ้งที่น่ากลัวสุดคือคนนี่แหละครับ โดนขโมยไปหลายเจ้าละ
- ยิ่งบ่อขนาดใหญ่หรือทุ่งนา ต้องสูบน้ำออกหมดเพื่อจับ ใช้แรงงานมาก
- บ่อที่ให้อาหารมากเกินไป พื้นบ่อจะเป็นเลนเน่าเสีย (โดยเฉพาะบ่อที่ผ่านการเลี้ยงจับกุ้งขึ้นมาแล้วหลายรอบ) อาจจะมีปัญหาปรสิตและโปรโตซัว (ทำให้กุ้งหางเป็นแผลติดเชื้อ หางเลยพอง)ตามมา หากชอบแนวนี้ควรศึกษาเรื่องการจัดการบ่อดิน

4. เลี้ยงในกระชัง

การเลี้ยงในกระชังก็มีการแพร่หลาย นิยมทำกันในแหล่งน้ำที่ลึก หรือแหล่งน้ำขนาดใหญ่
     ข้อดี
- แยกไซส์เลี้ยงขุนไซส์ได้ง่าย
- น้ำถ่ายเทตลอด มีแร่ธาตุจากน้ำธรรมชาติ
- สะดวกในการจัดการในบ่อใหญ่ๆ เมื่อตอนจับขึ้นแค่ยกกระชังไม่ต้องเปลี่ยนน้ำ
     ข้อเสีย
- ปลาคือศัตรูตัวฉกาจ ควรหาวิธีป้องกันปลาช่อนหรือชะโดกัดกระชังหรือกระโดดเข้า
- ควรหาวิธีป้องกันกระชังขาด
- มั่นใจว่าแหล่งน้ำค่าphพอเหมาะไม่มีสารพิษจากโรงงานหรือยาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลง

     สุดท้ายแล้วอยากจะบอกว่าในการเลี้ยงพื้นที่เล็กการมีเครื่องให้อ๊อกซิเจน ย่อมดีกว่า สามารถเลี้ยงกุ้งได้ในปริมาณที่หนาแน่นกว่า โตไว ลอกคราบผ่านง่าย นี่เป็นความคิดเห็นของผมเองครับอาจจะมีถูกบ้างผิดบ้างน้อมรับคำติชม การเรียนรู้ไม่มีจบครับ ได้เจออะไรใหม่ๆแทบทุกวัน บางอย่างที่คิดว่าดีสุดตอนนี้ บางทีอาจจะมีดีกว่าในอนาคต

อัตราการปล่อยกุ้งก้ามแดงลงบ่อ เพื่อให้กุ้งเติบโตเต็มที่

หลังจาที่เราเตรียมบ่อ เตรียมน้ำเพื่อเลี้ยงกุ้งก้ามแดงเสร็จแล้ว ต่อไปก็ถึงขั้นตอนการนำกุ้งลงเลี้ยงสำหรับอัตราการเจริญเติบโตของกุ้งก้ามแดง จะอยู่ที่เฉลี่ยเดือนละ 1 นิ้ว ยิ่งอายุมากขึ้นจะโตช้าลงและระยะการลอกคราบจะนานขึ้น จากกุ้งก้ามแดงลงเดินอายุ 5-7 วัน จนถึง 1 นิ้ว - 2 นิ้ว ใช้ระยะเวลา 40 - 50วัน  กุ้งก้ามแดงไซต์ 1 นิ้ว จนถึง 3 นิ้ว ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน  กุ้งก้ามแดงขนาด 1นิ้ว จนถึง 4 นิ้ว ใช้ระยะเวลาเลี้ยงประมาณ 4 - 5 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอาหาร สภาพน้ำที่ใช้เลี้ยงด้วยครับ

อัตราการปล่อยกุ้งก้ามแดง 

- ลูกกุ้งลงเดิน อายุ 5-7 วัน - 1 นิ้ว ตารางเมตรละไม่เกิน 200ตัว
- ไซต์ 1 นิ้ว - 3 นิ้ว ตารางเมตรละ ประมาณ 20 ตัว
- ไซต์ 3 นิ้ว - 5 นิ้ว ตารางเมตรละ ประมาณ 10 ตัว
- ไซต์ 5 นิ้ว - 7 นิ้ว ตารางเมตรละ ประมาณ 5 ตัว

เรื่องระยะเวลาการฟักไข่‬กุ้งก้ามแดง หรือกุ้งเครฟิช

ระยะเวลาเริ่มตั้งแต่ตั้งท้องจนถึงลงเดิน จะใช้ระยะเวลาอยู่ที่ 30-45วัน โดยเฉลี่ย...กุ้งแต่ละตัวจะมีการเจริญเติบโต และมีการพัฒนาของไข่ที่แตกต่างกันออกไป มีช้าบ้าง เร็วบ้าง ไม่ค่อยตรงตามกำหนดระยะเวลาที่ตายตัวครับ
"ระยะของสีแม่กุ้งไข่" (ทุกๆ ระยะการพัฒนาของไข่ จะอายุห่างกัน 7-10วัน โดยเฉลี่ย)
1. สีเหลือง สีน้ำตาลๆ ระยะแรก ไข่อ่อน
2. สีส้ม สีส้มอมขาวครึ่งใบ ระยะที่ 2
3. สีส้มๆ อมขาว มีลูกตา ระยะที่ 3
4. สีส้มอมเหลืองๆ มีลูกตา มีแขน มีขา มีลำตัว ระยะสุดท้ายใกล้จะลงเดิน ระยะที่ 4

‪‎การดูแลแม่กุ้งหลังคลอดและเด็กๆ‬

     หลังจากที่ลูกกุ้ง ลงดินกันหมดแล้ว แม่กุ้งก็จะเริ่มกินอาหารมากขึ้น เพื่อสะสมอาหารสำหรับการลอกคราบ โดยปกติแล้วพอเจ้าตัวน้อยออกไปหมดแล้วเราก็จะทำการ แยกแม่กุ้งออกเลย แล้วก็ให้เค้ากินอาหาร หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์แม่กุ้งก็จะลอกคราบ แม่กุ้งบางตัวอาจลอกคราบถึงสองครั้งหลังจากการอุ้มท้อง แต่บางตัวก็ลอกแค่ครั้งเดียว
     ส่วนลูกกุ้งนั้น เราก็จะใส่สาหร่ายหางกระรอกให้เค้าเยอะๆสำหรับเป็นที่หลบภัย และก็เป็นอาหารได้ด้วยผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะเริ่มให้อาหารเม็ดมาบดให้เค้ากินง่ายขึ้น หรือเต้าหู้ไข่ ไข่แดงต้มแล้วบี้ๆ การให้อาหารก็กะเอาไม่ต้องมาก เพราะเราใส่สาหร่ายหางกระรอกอยู่แล้วยังไงน้องกุ้งน้อยเค้าก็มีสาหร่ายให้แทะกินได้ตลอดเวลาไม่ต้องกลัวเค้าจะหิวเพราะถ้าอาหารเหลือน้ำจะเสีย กุ้งอาจถึงตายได้

ตู้สำหรับกุ้งวัยอนุบาล‬

     หลังจากลูกกุ้งเริ่มตัวโตขึ้นแล้ว เราก็จะค่อยๆ แยกน้องกุ้งออกไปเฉลี่ยเอาเอง อย่าให้แออัดมากนัก ‪ ‎เพราะน้องกุ้งเค้าจะกินกันเองตอนลอกคราบได้‬


มีวิธีการผสมพันธ์กุ้งก้ามแดง ทำง่ายๆ ได้ผลดีมาฝากผู้เลี้ยง

ถ้าเลี้ยงกุ้ง แล้วผสมพันธุ์กุ้งไม่ได้ ถือว่าคุณเลี้ยงแล้วไม่ประสบความสำเร็จ 100% ถึงแม้ว่าคุณจะเลี้ยงแล้วอัตรารอดตายของกุ้งสูง หรือเลี้ยงแล้วกุ้งโตไวแค่ไหน แต่ถ้าไม่ผ่านหลักสูตรด้วยว่าการทำให้กุ้งท้องได้ คุณก็ไม่ผ่านการเป็นโปร ส่วนเรื่องมันจะไข่เสียหรือสลัดไข่ ว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่ง...เข้าเรื่องเลยนะครับเพราะผมพิมอะไรผมชอบอธิบายหมดจดไม่อยากกั๊กความรู้ การผสมพันธุ์ ไม่ใช่ว่าต้องหากุ้งไชด์ใหญ่ๆ 4" 4.5" หรือ 5 " บลาๆๆ ไชด์ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ส่วนอื่นก็ต้องมีเช่นกัน
1. อาหาร
2. ความพร้อมของกุ้งทั้งตัวผู้และตัวเมีย
3. สภาพแวดล้อม
4. สภาพที่เลี้ยง

วิธีการผสมพันธ์กุ้งก้ามแดง ทำง่ายๆ อธิบายเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้

1. อาหาร

     กุ้งจะพร้อมผสมพันธุ์ได้ก็ต่อเมื่อเขาสะสมอาหารเพียงพอต่อการเจริญพันธุ์ ดังนั้น ถ้ากุ้งยังไม่พร้อมคุณก็จะรอยาวๆ 1 เดือน 2 เดือน บางคนรอถึง 7 เดือนก็มีทั้งๆ ที่เลือก 5 นิ้วมา การให้อาหารผมใช้ไส้เดือนสลับกับอาหารเม็ดที่ฟาร์มผลิต โดยให้ไส้เดือนวันเว้น 2 วัน คืออาทิตย์ล่ะ 2-3 ครั้ง ที่เหลือจะเป็นอาหารเม็ดจะให้ช่วงเช้า 07.30 =30% และช่วง 18.30 อีก 70%
อัดแบบนี้ 20-30วันก่อนผสม
และช่วงผสม จับผสม 1 เดือน

2. ความพร้อมของกุ้ง 

     ไชด์ที่พร้อมจะผสมพันธุ์ อายุ4เดือนขึ้นไป และให้ผลดีเริ่มที่ 4 นิ้ว แต่ที่ฟาร์มจะทำให้ได้ไชด์ 4.5 เพราะขนาดนี้ กุ้งจะลดการสลัดไข่ลงไปเยอะ ตัว 4"ยังค่อนข้างจะไข่น้อย รวมถึงความไม่พร้อมที่จะดูแลไข่ที่หน้าท้องของตัวเองเท่ากุ้งไชด์ 4.5" ขึ้นไป ขนาดที่ฟาร์มเลือกความสมบูรณ์ของไข่จะมากกว่า ไชด์ 4" กุ้งพร้อมที่จะผสมพันธุ์ดูจากอะไร ให้ดูที่
1. ตรงปลายหางจากสีขาวๆขุ่น จะมีสีเข้มเป็นสีชมพูขึ้นมา (ดูรูปที่ 1)
2. ระหว่างก้ามทั้งสองจะมีสีขาวเด่นชัดให้ (ดูรูปที่ 2)
3. ก้าม ถุงน้ำสีแดงในตัวผู้จะเข้มมากให้ (ดูรูปที่ 3)
4. ลายตรงลำตัวจะเคลื่อนที่ลงไปจากหลังจะย้ายลงไปใก้ลๆ ท้องหรือรยางค์ อีกจัดหนึ่งคือ หงายตัวกุ้งขึ้นมาสีตรงที่หาง (ดูรูปที่ 4)

     ตัวเมียก็เช่นกัน เวลาจับดู กุ้งตัวเมียที่เหมาะนำมาเป็นแม่พันธุ์ให้ดูที่กุ้งตัวอวบอ้วน หัวใหญ่ หางใหญ่ ไม่ใช่หัวใหญ่ หางเรียวเล็ก พวกนี้ อย่าไปเลือกมาผสม มันชอบสลัดไข่ ให้ไข่น้อย ให้เลือกตัวอ้วนๆ ดูแลไข่และลูกๆ ดีมาก

3. สภาพแวดล้อม

     คุณจะต้องหาพื้นที่ ที่เงียบๆ ไม่มีคนเดินไปเดินมาบ่อยๆ มีความมืด ถ้าไม่มี หาอะไรปิดบังให้มันมืดช่ะ ผมให้เปรียบเทียบเหมือาคนเรา มีอะไรกัน มันอายไหมที่จะทำกันกลางแจ้งโดยมีคนฉายไฟดูอยู่เรื่อย กุ้งก็เหมือนกัน มันไม่รูสึกว่าอายเป็น แต่นิสัยมันไม่ชอบอะไรที่มันไม่สงบ
อีกอย่าง นิสัยแอบดู ชอบแอบส่องว่ามันซั่มกันยัง มันเป็นยังไงบ้าง อย่า. งด ทำลืม ๆ. 2 อาทิตย์ ให้เปิดถ่ายน้ำดูดตะกอนทิ้ง เท่านั้นพอ น้ำเอาของเก่าออกแค่ 15-20% พอ แล้สเติมน้ำใหม่ ใส่เกลือแค่ 1 ช้อนโต๊ะ ในอัตราน้ำ 100 ลิตร

4. สถานที่เลี้ยง

     สถานที่เลี้ยงอย่างที่บอก ถ้าแยกกุ้งผสมเป็นชุดๆ เช่นผู้ 1 เมีย 1 หรือผู้ 1 เมีย 2
หรือเมีย. 3 ก็ได้ จะให้ผลไวมากกว่า ปล่อยลงในบ่อรวมกันเยอะๆ แล้วให้มันจับคู่กันเอง ถามว่าแบบนี้ ผสมได้ไหม ผสมได้ครับ แต่โอกาสได้ลูก น้อยกว่าจับแยกเยอะ จับแยกแล้วใส่อะไร ใส่อะไรก็ได้ ให้มันเดินมาเจอกันได้ง่ายขึ้น ใช้พื้นที่น้อยๆ ไม่ใช่ เดินทั้งวันไม่เจอกันช่ะที เอาแบบ เดินมาแล้ว อ่ะเจออีกแล้ว มาๆๆๆซั่มหน่อย เสร็จเดินอีกเจออีกตัวแล้วมาๆๆๆ ซั่มอีกแบบนี้ ทีเท่าไหร่ก็ท้อง อย่างที่บอกอย่าให้เดินไกล อีกอย่างท่อหลบมีให้น้อยกว่าตัวกุ้งเพราะถ้าท่อเยอะมันจะหลบอยู่แต่ในท่อ เราอยากเลี้ยงเพื่อดูท่อ หรืออยากจะดูลูกกุ้งกันเลือกเอาครับ ใส่ 3 ตัวใส่ท่อ 1-2 ท่อพอแล้ว ให้มันเห็นตูดกันบ่อยๆ หน่อย^^
อีกอย่างท่อให้สั้นกว่าตัวกุ้ง เอาให้แบบว่ากุ้งนอนในท่อแล้วตูดโผ่ล ให้ทุกคนคิดกันว่าเปรียบเหมือนเราแต่งงานเข้าห้องหอใหม่ๆ เราเปิดประตูเข้าไปในห้องเมียเรา เมียเราดันห่มผ้านอนช่ะมิดชิด ถามว่าเราจะมีอารมย์ซั่มไหม ถ้าเกิดสมมุติว่าท่อเหมือนผ้าห่มหรือชุดนอน ถ้ามันสั้นๆ นอนเห็นขาอ่อนๆ ขาวๆ มันชวนให้ชั่มไหม กุ้งก็เช่นกัน ถ้าตัวเมียนอนหัวโผล่หางโผล่ ไหนเลยกุ้งตัวผู้จะไม่ขึ้นขย่ม อีกอย่าง น้ำต้องอย่าเปลี่ยนบ่อย และมีความลึกพอสมควรประมาณ 15-20 cm ขึ้นไป เพราะอุณหภูมิน้ำเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการผสมเช่นกันครับ







จดทะเบียน เพื่อเลี้ยงกุ้งก้ามแดง เพราะอะไรทำไมต้องลงทะเบียน

ล่าสุดกรมประมงได้ออกกฏหมายคุ้มครองเกี่ยวกับกุ้งก้ามแดงว่า ให้เป็นกุ้งก้ามแดง เป็นสัตว์คุ้มครองพิเศษ ถ้าจะเลี้ยงต้องไปทำการขออนุญาติ มีการขึ้นทะเบียนหรือจดทะเบียนให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเลี้ยงในรูปแบบฟาร์มหรือเลี้ยงเป็นงานอดิเรกก็ตามน่ะครับ ใช่แล้วครับแม้กระทั่งเลี้ยงเพื่อเป็นงานอดิเรกก็ต้องไปขึ้นทะเบียนครับ เพราะสัตว์เลี้ยงที่ชื่อว่ากุ้งก้ามแดงของเราๆท่านๆได้ กลายเป็นสัตว์คุ้มครองพิเศษไปแล้วครับท่าน ท่าทึ่งไหมล่ะครับ และถ้าท่านที่เลี้ยงแล้วยังเพิกเฉยไม่ไปขึ้นทะเบียน เมื่อมีการค้าขายเกี่ยวกับกุ้งก้ามแดงแล้วมีการตรวจสอบย้อนหลัง จะเสียค่าปรับเป็นเงินไม่ใช่น้อยเลยน่ะครับ

สาเหตุที่เราต้องไปขึ้นทะเบียน การเลี้ยงกุ้งก้ามแดง

     เนื่องจากกุ้งก้ามแดง ไม่ใช่สัตว์ประจำท้องถิ่นของประเทศไทยเราน่ะครับ ภาษาอังกฤษคือ เอเลี่ยนสปีชีส์ เพราะฉนั้นถ้าหากมีการนำกุ้งก้ามแดงไปปล่อยตามแหล่งน้ำธรรมชาติแล้วเกิดการแพร่กระจายแล้วจะเกิดความเสียหายให้กับพืชหรือสัตว์น้ำไทย ให้เกิดความเสียหายและสูญพันธ์ุได้ครับ เพราะฉนั้นกรมประมงจึงได้ออกกฎเกณฑ์ควบคุ้มไว้ในเบื้องต้นน่ะครับ และกรมประมงก็จะทำการประกาศในหลายๆพื้นที่ หากพื้นที่ไหนที่มีการประกาศจากกรมประมงแล้วยังไม่ไปขึ้นทะเบียน ภายใน 60 วัน จะมีความผิดและจะต้องมีการเสียค่าปรับอีกด้วยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กุ้งก้ามแดง สัตว์เลี้ยงของเรานั้นก็ใช่ว่า จะเป็นเอเลี่ยนอย่างที่กล่าวกันมาทั้งหมดน่ะครับ เพราะท่านที่เลี้ยงกุ้งก้ามแดง หรือแม้กระทั่งตัวผู้เขียนเองก็ทราบกันดี ว่า กุ้งก้ามแดงไม่ได้เป็นตัวทำลายระบบนิเวศน์อย่างที่โดนกล่าวหา และนอกจากจะไม่ได้เป็นผู้ล่าแล้วตัวกุ้งก้ามแดงเองเสียด้วยซ้ำที่เป็นผู้ถูกล่าน่ะครับ ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่มีการนำกุ้งก้ามแดงลงไปเลี้ยงในนาข้าวได้หรอกน่ะครับ  ก็เป็นที่ถกเถียงกันไปตามความคิดของแต่ล่ะหน่วยงานน่ะครับ และเป็นที่สรุปคือ ผู้ที่จะเลี้ยงกุ้งก้ามแดง ต้องไปแจ้งลงทะเบียนการเลี้ยงที่กรมประมง ตามพื้นที่ ของผู้ที่ประสงค์จะเลี้ยงกุ้งก้ามแดงครับ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นกระทำผิดต่อสัตว์ควบคุมอย่างกุ้งก้ามแดงครับ ทำตามกฏไว้ ดีกว่าจะมาเสียใจที่หลัง (ดั่งคําพังเพยที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย)


การจดทะเบียนกุ้งก้ามแดง

เอกสารในการเพื่อไปจดทะเบียนในการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง
- สำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ
- สำเนาทะเบียนบ้าน 1 ใบ
- รูปแผนที่บ้านที่ทำการเพาะเลี้ยงกุ้ง
- รูปสถานที่เลี้ยงกุ้ง
     จดทะเบียนได้ที่กรมปะมงใกล้บ้านที่เราได้ทำการเพาะเลี้ยง ก็จะมีการสอบถามจากเจ้าหน้าที่ว่าเราเลี้ยงกุ้งก้ามแดงในลักษณะใด เลี้ยงในบ่อดินหรือเลี้ยงในบ้านแบบในตู้ปลาหรือในกล่อง เจ้าหน้าที่ก็จะสอบถามแล้วก็กรอกรายละเอียดลงในแบบฟอร์มการขอจดทะเบียน เราต้องแจ้งจำนวนของกุ้งก้ามแดงที่เราเลี้ยงให้เจ้าหน้าที่กรอก และก็จะมีวันเวลาในการที่เราเริ่มเลี้ยง ไม่ยุ่งยากครับ และก็จะมีกฏและข้อแนะนำในการเลี้ยงแจ้งให้แก่ผู้ที่เพาะเลี้ยงเพื่อจำหน่ายว่า ควรเลี้ยงอย่างไรไม่ให้กุ้งหลุดออกมาสู่แม่น้ำตามธรรมชาติได้บ้าง อย่างเช่นการทำบ่อให้สูงกว่าน้ำที่อยู่ในบ่อประมาณ 30 ซม.เป็นต้นเพื่อไม่ให้กุ้งปีนออกมาได้ หรือถ้าใครเลี้ยงในบ้านที่ทำบ่อเอง ก็ป้องกันโดยการหาที่ปิดบ่อหรือไม่ให้มีสายที่พอจะให้กุ้งปีนออกมาได้
     กรมประมงก็มีข้อยกเว้นสำหรับท่านที่เลี้ยงกุ้งก้ามแดงเพื่อไว้ดูเล่น เนื่องจากเป็นสัตว์น้ำประเภทสวยงามก็ไม่ต้องไปลงทะเบียนก็ได้ แต่หากท่านคิดว่าการที่เราเลี้ยงไว้เพื่อดูเล่นแล้ว ในอนาคตกุ้งอาจขยายพันธ์ุมากขึ้นแล้วอาจมีการนำไปขายเพื่อเป็นรายได้เสริมแล้วล่ะก็ ผู้เขียนแนะนำให้ไปจดทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงจะดีกว่าน่ะครับ ป้องกันไว้เผื่อเกิดปัญหาทางกฏหมายตามมาน่ะครับ  แต่ถ้าคิดว่าเลี้ยงไว้เพื่อความเพลิดเพลินหรือไว้ทำเป็นอาหารภายในครอบครัว ยังไงก็ไม่ทำการค้าก็ไม่ต้องไปจดทะเบียนครับ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้คงเป็นประะโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย



วิธีทำให้กุ้งก้ามแดงท้องเร็ว มีวิธีทำอย่างไรมาดูกัน

  เทคนิคทำให้กุ้งก้ามแดงตัวเมียท้อง เป็นเทคนิคที่ต่างจากคนอื่นแต่ได้ผลแน่นอน! เพราะว่าตามที่เรารู้ว่า จะจับกุ้งมาผสมพันธุ์นั้นจะใช้อัตราส่วน ตัวเมีย 3 ตัวผู้ 1 ตัว แต่ผมได้ลองแล้วว่าสัดส่วนที่ใส่นั้น เป็นไปได้ที่จะผสมพันธุ์แต่ยากหน่อย บางคนจะบ่นว่ากุ้งผสมกันยากหรือไม่ผสมพันธุ์กันเลย สูตรที่จะบอกลองไปใช้กันดูครับ
     1.แยกเเลี้ยงตัวผู้กับตัวเมีย ใช้ตัวผู้ขนาด 3.5" ขึ้นไป จำนวนตัวก็ให้มากไว้หรือประมาณ 10 ตัว เลี้ยงในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1 × 1 เมตร
     2.ขุนอาหารพวกอาหารสด เช่นไส้เดือน ปลาสด
     3.เลี้ยงแยกแบบนี้ประมาณสัก 1 อาทิตย์
     4.เลือกตัวเมียที่ขนาดไม่ต่ำกว่า 3.5" ที่สมบูรณ์ดูแล้วแข็งแรง จับหงายท้องดูว่า เกือบปลายหางมีจุดสีม่วงขึ้นหรือยัง เพราะถ้าไม่มีแสดงว่ากุ้งตัวนั้นยังไม่พร้อมผสม
     5.เลือกตัวเมียมา 2-3 ตัวใส่ลงไปในบ่อตัวผู้ที่เราขุนไว้ (ง่ายๆก็คือตัวผู้ เยอะกว่าตัวเมียนั้นเอง รุมโทรมกุ้ง^^)
     6.พอเราใส่ตัวเมียลงไปแล้วก็หาอะไรปิดให้ทึบหน่อย ทิ้งไว้สัก 2-3 วันค่อนเปิดดู รับลองคุณจะมีความสุขสำเร็จ ในการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง


อัตราการผสมพันธุ์ของกุ้งก้ามแดง และตัวอย่างการจัดการ

เมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์ กุ้งที่มีขนาด 3-4 นิ้ว จะถูกคัดเป็นพ่อแม่พันธุ์ใส่รวมไว้บ่อปูนบ่อเดียวกันหลายคู่ โดยใช้อัตราตัวผู้ 1 ตัวต่อตัวเมีย 2 ตัว ติดชัวร์สองตัว หรือยิ่ง 1 ต่อ 1 ยิ่งติดแน่นอน แต่เปลือง ใส่ประมาณ 10 ชุด (ขนาดบ่อปูน 1.5x3 เมตร) จากนั้นรอจนแม่กุ้งไข่ ซึ่งช่วงเวลากลางคืนจะใช้ไฟแบตเตอร์ติดที่หน้าผากเข้าไปศึกษากุ้งตอนกลางคืน แทนการใช้ไฟนีออน เพราะจะสว่างไปทั่วยากต่อการดูกุ้งว่าผสมพันธุ์หรือไม่ ไข่หรือไม่ หากเห็นตัวเมียตัวไหนไม่ออกจากที่หลบให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าไข่แน่นอน ซึ่งถ้าไข่จริงก็จับแยกไปไว้บ่อฟัก

     วิธีการจัดคือให้นำแก้วพลาสติกใสค่อยๆตักกุ้งขึ้น หรือถ้ากุ้งอยู่ในท่อก็ตักท่อขึ้นมาค่อยๆยกท่อขึ้นดู ถ้าเห็นหางก็จะเห็นว่าไข่หรือไม่ ถ้าไข่แล้วให้จับแยกมาใส่ไว้ในบ่อฟักเอาตะกร้าครอบไว้ตะกร้าละ 1 ตัว (เอาน้ำเดิมมาด้วย) แล้วจดบันทึกวันที่ไว้ ช่วงนี้ยังอ่อนอยู่ไม่ควรไปยุ่ง รอประมาณ 20 วันค่อยเปิดดู
     เมื่อเริ่มเห็นเป็นตากุ้ง แสดงว่าปลอดภัยไม่สลัดไข่แน่นอน ให้จับแยกไว้ในกะละมังตัวละ 1 ใบ (เพื่อความสะดวกในการจัดการ นับจำนวนลูกต่อคอก และการนำไปปรับปรุงพันธุ์ ดังนั้น กุ้งทุกตัวจำเป็นต้องมีประวัติ จากนั้นคอยดูว่าลูกกุ้งลงเดินหมดหรือยัง ถ้าลูกกุ้งยังเหลือที่ท้องไม่มากก็ค่อยๆเขียออกแล้วอนุบาลต่อประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนนำลงบ่อดิน ส่วนแม่กุ้งให้แยกมาบำรุง รอลอกคราบประมาณ 1-2 สัปดาห์ ก่อนนำไปรวมในบ่ผสมพันธุ์ต่อไป